วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

ทำบัตร นักศึกษานานาชาติ ( ISIC Card )

   สวัสดีค่ะ เมื่อหลายวันก่อนมีโอกาสได้เข้าไปอ่านในบล็อกของหลายๆคนที่กำลังจะเดินทางไปเรียนต่างประเทศ ก็บังเอิญเห็นว่ามีการสมัครบัตร ISIC Card หรือเรียกอีกอย่างว่า "บัตรนักศึกษานานาชาติ" นั่นแหละค่ะ
                      สิทธิประโยชน์ในการเดินทาง สามารถใช้เป็นส่วนลด
  • การเดินทาง เช่น ส่วนลดในการซื้อตั๋วเครื่องบิน ราคาพิเศษสำหรับ นักเรียน นักศึกษา
  • รถไฟในยุโรป อเมริกา, รถโค้ช, รถโดยสาร
  • โรงแรมและที่พัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ โรงละคร โรงภาพยนต์ หอศิลป์ ห้องสมุด
  • การซื้อสินค้า ตามร้านค้าชั้นนำต่างๆ และ ห้างสรรพสินค้า 
  • รวมทั้ง ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านหนังสือ อุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง สถาบันความงาม  และ อื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ
    อ้างอิงจาก http://www.ieostudyabroad.com/services/isic-card.php  สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวปนี้เลยนะคะ

ต่อไปเราก็มาดูวิธีการสมัครเลยนะคะ ซึ่งมันก็ไม่ได้สมัครยากอะไรเลย

1. สำเนาหนังสือรับรองการศึกษา หรือ บัตรนักศึกษาที่ยังไม่หมดอายุ
         (ฟางไม่มีบัตรศึกษา บัตรนักเรียนตอนเรียนมัธยมก็หมดอายุ ฟางก็เลยโทรไปสอบถามที่ IEO study aboard เขาบอกว่าไม่สามารถใช้ I-20 ได้ แต่ในนั้นก็มีทั้งข้อมูลนักเรียน ชื่อโรงเรียน ทุกอย่างครบ แต่ทางสถาบันนี้เขาก็ไม่ให้ใช้ ฟางก็เลยหาไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปเจอกับ STA ที่ตึกของ Wall street สีลม ฟางก็เลยโทรไปสอบถามอีก ปรากฏว่าเขาให้เราสามารถใช้ I-20 แทนได้)

2. สำเนาหน้าพาสปอร์ตที่ยังไม่หมดอายุ
3. รูปถ่าย  1 นิ้ว (สามารถเอามาติดรูปได้เอง)
4. ค่าธรรมเนียม 400 บาท (เฉพาะกรณีไปทำที่ตึก wall street ถ้าให้ส่งมาที่บ้านต้องจ่ายเพิ่ม 50 บาท)
5. แบบฟอร์มใบสมัคร (ถ้าไปที่ตึก เขาก็มีให้ค่ะ)

      เขาบอกว่าให้ถ่ายเอกสารไปให้พร้อม ฟางก็ยังไม่ได้ถ่าย แล้วสถานที่แถวๆนั้นก็ไม่มีร้านถ่ายเอกสารด้วย ฟางก็เลยเสี่ยงดวงขึ้นไปหาพี่ๆทาง STA เลยค่ะ พี่เขาบริการดีมาก แล้วที่สำคัญถ่ายเอกสารให้ฟรีด้วย ^_^ 

      หลังจากที่ฟางได้หาข้อมูลแล้วก็เตรียมเอกสารทุกอย่าง(ไม่ค่อย)พร้อมแล้ว คราวนี้เรามาดูวิธีไปที่ตึก Wall Street กันเลยค่ะ ฟางเดินทางเริ่มต้นที่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตนะ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะขึ้นรถตู้ไปสีลม



แต่พอไปถึงฟิวเจอร์ รังสิต ก็มีคนแนะนำว่า ถ้าต้องการไปที่สีลมจริงๆต้องไปขึ้นรถตู้ที่เซียร์รังสิต ฟางก็เลยตัดสินใจขึ้นรถตู้จากฟิวเจอร์ ไปลงที่อนุสาวรีย์ค่ะ



ค่ารถจากฟิวเจอร์ ไป อนุสสารีย์ตอนนี้ราคา 30 บาท ฟางก็ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนมันราคาเท่านี้หรือเปล่า  เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรก

ตอนนี้ฟางเดินขึ้นมาบนสะพานลอย มองดูก็สวยไปอีกแบบเนอะ
บางทีคนก็เยอะไปนะ.... แต่สวย  ^-^
       หลังจากนั้นเราก็ต้องไปขึ้น BTS อนุสาวรีย์ เพื่อที่จะไปลง สถานี "ศาลาแดง" นะคะ



                เราก็ต้องไปเปลี่ยนเป็นสายสีลมที่สยาม


      เห็นแล้วอยากไปเดินเล่นที่พารากอนเลยจริงๆ แต่วันนี้ไม่มีเวลาแล้วอ่ะ #เจอกันใหม่เนอะ T^T

พยายามถ่ายแล้วจริงๆนะ แต่มันเบลอ คนก็เยอะ
      ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงสถานีศาลาแดงแล้ว สิ่งต่อไปก็คือ "มองหาทางออกที่ 1 ค่ะ" ฟางอ่านในบล็อก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=jollykate&date=16-02-2011&group=1&gblog=8 จริงๆเขาก็บอกทางไปละเอียดมากเลยนะ ในบล็อกนี้บอกว่า "เดินไปทางอาคารธนิยะ" แต่ฟางไม่เคยไป ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เอาเป็นว่า "มันจะมีทางเชื่อมเข้าไปในห้าง ถ้าเราหันหน้าเข้าห้างฝั่งขวามือเราจะมีซอย ให้เดินไปตามซอยนั้นจดสุดซอยนั่นแหละค่ะ"



พอสุดซอยแล้วก็ "เลี้ยวซ้ายค่ะ"



เราจะเจอซอย ธนิยะ 1 แล้วก็ 2 ค่ะ จากนั้นก็เดินต่อไปอีกนิดหน่อย


สิ่งที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ "ศาลพระภูมิค่ะ"



แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าใช่ศาลพระภูมินี้แน่หรือเปล่า ให้เรามองไปทางขวามือค่ะ จะเห็นธนาคารกสิกรไทย อยู่ตรงข้ามกับตึก Wall Street 


พอเราหันหน้ามองตึกสิ่งที่จะเห็นชัดเจนที่สุดคือ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี (ฟางว่ามันควรจะเห็นชื่อตึกมากกว่านะ) ตึกนี้สูงมาก คงไม่แปลกอะไรที่เราจะมองไม่เห็นชื่อตึก

เราก็เดินไปตามป้ายสีเขียวที่มีลูกศรชี้นั่นแหละค่ะ




      เดินไปเรื่อยจดสุดทางก็จะมีประตูอยู่ทางด้านขวามือค่ะ เปิดเข้าไปเดี๋ยวเราก็เจอลิฟท์เองแหละ



STA  จะอยู่ที่ชั้น "14" ค่ะ



พอประตูลิฟท์เปิดออกมา เราก็มองไปทางด้านขวามือ


เห็นแบบนี้ก็มั่นใจได้เลยค่ะว่า...เรามาถูกที่แล้ว


พอเดินเข้าไปแล้วก็อย่าลืมบอกพี่พี่เขานะคะว่า "เรามาทำบัตรนักศึกษานานาชาติ หรือ ISIC Card"

ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ คนไม่ค่อยเยอะด้วย สะดวกและรวดเร็วมาก ฟางลืมเอารูปไปเขาก็ให้เรามาติดรูปเอง


เราก็เอารูปมาแปะ แล้วก็เอาพลาสติกแปะไว้ แต่ถ้าอยากทำให้เรียบร้อยเลย ก็อย่าลืมเอารูปไปนะคะ


ฟางถ่ายตอนกลับ 

หลังจากนั้นเราก็ต้องขึ้นไป BTS ศาลาแดง เพื่อที่จะกลับ แต่.....



ฟางขึ้นผิดค่ะ เราก็เลยได้รูปสวยๆมาฝากตอนที่อยู่บน BTS กันนิดหน่อย

ตึกอะไรไม่รู้ ถ่ายตอนอยู่บน BTS
เขามีที่กั้นเอาไว้ ใครมีข้อสงสัยโทรถามได้นะ ว่ากั้นทำไม??
รอรถไฟ BTS ช่องนนทรีย์  
ถ่ายตอนรอรถไฟฟ้่า BTS ช่องนนทรีย์ ใครรู้จักบอกหน่อยนะ สวยมากเลย

รถไฟมาแล้ว เตรียมตัวกลับบ้านกัน ^_^


รถตู้กลับบ้าน คนขับใจดีมากกกก ก ^_^
เหมือนเดิม :  ใครมีข้อสงสัยอะไรก็ถามมาในแฟนเพจได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคนจร้าาาา า


วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

คำแนะนำเรื่องวีซ่า จากพี่พี่ธนาคารกรุงเทพค่ะ

              ตอนนั้นฟางยังไม่ได้สัมภาษณ์วีซ่า แล้วก็ไม่เข้าใจอะไรเลย ต่างประเทศเราก็ไม่เคยไป ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง ก็เลยหาข้อมูลใน google นั่นแหละค่ะ แล้วก็ไปเจอธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเขาสนับสนุนให้คนไทยไปเรียนต่างประเทศ เราก็เลยตัดสินใจขอความรู้จากพี่ๆเขา

              ฟางก็เริ่มโทรไปปรึกษาพี่เขาเลย ในใจก็กลัวว่าพี่เขาจะไม่ยอมตอบ เพราะฟางเคยโทรไปขอคำแนะนำจากเอเจนซี่(ก็เขาเขียนไว้ว่ารับปรึกษา) แต่เขาก็ไม่ให้คำปรึกษาเพราะฟางไม่ได้ไปกับทางเอเจนซี แต่พี่ๆที่ธนาคารกรุงเทพเขาก็ให้คำปรึกษาดีมากๆ พอหลังจากที่ฟางโทรไปแล้วความสงสัยก็ยังไม่หาย ก็เลยส่งข้อความไปทาง Email อีก เรียกได้ว่า น่ารำคาญมากๆ 555 (ขอโทษด้วยนะคะ)

            ตอนแรกครอบครัวจะไปส่งฟางที่ชิคาโก้เลย ทั้งยาย แม่ น้า แล้วก็น้อง รวมฟางก็เป็น 5 คนพอดีค่ะ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ....แล้วจะใช้วีซ่าอะไรในการเดินทาง? ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ? ต้องมีเอกสารอะไรที่พิเศษไหม? คำถามมากมากมายเกิดขึ้นในหัว แม่กับน้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทางที่ดีที่สุดคือ....พี่พี่จากธนาคารกรุงเทพค่ะ......(อีกแล้ว T^T)

ฟางจะสรุปเป็นถามตอบนะคะ จะได้เข้าใจง่ายๆ

            ฟาง        :  เราจะไปเรียนต่อที่อเมิรกาโดยใช้วีซ่า F-1  แต่แม่กับน้าอยากไปด้วย เพื่อจะไปส่งและอยู่ที่อเมริกาต่อประมาณ 1 อาทิตย์ โดยจะใช้วีซ่า B2 อยากทราบวิธีการกรอกข้อมูลใน DS-160 มันจะมีคำถามว่า มีใครจะไปกับเราหรือเปล่า? เราก็ตอบชื่อแม่กับน้าไป แล้วเราจะขอวีซ่า B2 ของทั้งแม่ และน้าได้อย่างไร เพื่อให้ได้สัมภาษณ์พร้อมกัน
(ฟางก็ไปหาข้อมูลมาแล้ว จะให้แม่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยว เพราะวีซ่าผู้ติดตามสารถใช้ได้แค่ สามีภรรยา/บุตรเท่านั้น)

            INDIRA : น้องลองเข้าไปดู http://bangkok.usembassy.gov/non-immigrant_visas.html   มีหนังเรื่องกรอกฟอร์มวีซ่ากับจองคิวนัดวันสัมภาษณ์เพื่อประกอบความเข้าใจค่ะ
 
ส่วนพินนัดวันสัมภาษณ์ของแม่และน้องใช้พินเดียวกันได้ ส่วนของน้าถ้าอยู่บ้านคนละหลังและคนละนามสกุลกับแม่ต้องซื้อพินนัดวันสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ กรอก DS-160  ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนทั้ง 3 คน ค่อยจองคิวนัดวันสัมภาษณ์พร้อมกัน แม้จะใช้คนละพินนัดกันก็น่าจะหาวันเดียวกันได้ค่ะ หรือถ้ากรอกโดยใช้เครื่องคอม 2 ตัวกรอกไปพร้อมๆกันก็น่าจะคลิกหาวันเวลาเดียวกันได้ทันค่ะ หรือจะลองมาพบพี่ไหมคะ พี่จะได้ช่วยกรอกให้ค่ะ
ลองเปิดเข้าไปดูในเวปนะคะ มีข้อมูลเยอะแยะมากมายเลย)
 
 

 
            ฟาง        :  เราต้องกรอก DS-160    3ครั้งเลยหรอคะ? (ด้วยความขี้เกียจกรอก Ds-160 และความโง่เขลาของตัวเอง ทำให้ต้องไปสร้างความเดือนร้อนกับพี่ๆอีกครั้ง)
 
            INDIRA :น้องต้องกรอก DS-160 ของน้อง, Ds-160 ของคุณแม่ และ DS-160 ของคุณน้าค่ะ แต่ละท่านจะมีรายละเอียดเฉพาะของแต่ละบุคคลที่ไม่ค่อยเหมือนกันเสียทีเดียวนัก  ซึ่งทางสถานทูตต้องทราบข้อมูลโดยละเอียดของบุคคลที่ต้องการจะเดินทางเข้าไปในอเมริกาว่า เป็นใคร มีอาชีพอะไรและอื่นๆค่ะ
 
            ฟาง        :ขอบคุณค่ะ พี่คะ Passport Book Number คืออะไรหรอคะ? ใช่เลขที่อยู่ใต้บาร์โค้ด ด้านหลังสมุดหรือเปล่าคะ (เริ่มกรอก Ds-160 ปัญหาก็มาเลยค่ะ)
 
            INDIRA : ใช่ค่ะ
 
            ฟาง        : ขอวีซ่า B2 10 ปีนี่ยากไหมคะ? กลัวไม่ผ่านแล้วจะเสียประวัติ (เริ่มกรอกของแม่ค่ะ ความตื่นเต้นเริ่มมา ปัญหามันก็เลยมาพร้อมกัน)
 
            INDIRA : ไม่ยากค่ะ  ถ้ามีการเตรียมเรื่องเอกสารที่ดีและพร้อม รวมทั้งมีความตั้งใจจริงที่แสดงให้กงสุลเห็นว่า ต้องการจะขอแค่ไปเที่ยว ไม่ได้มีอย่างอื่นแอบแฝงค่ะ
 
            ฟาง        : เด็กอายุ 5 ขวบทำพาสปอร์ตได้ไหม แล้วเรื่องวีซ่าต้องทำไงดีคะ เอกสารต้องเหมือนของผู้ใหญ่หรือเปล่า (น้องของฟางเองค่ะ ห่างกันเยอะมาก! เราก็เพิ่งทำวีซ่าตอนอายุ 18 ไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกัน)
 
 
            INDIRA :  ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี
 
ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องนำสูติบัตรฉบับจริง หากเป็นสำเนาต้องได้รับการรับรองสำเนาถูกต้องจาก อำเภอ/เขตมาแสดงพร้อมผู้มีอำนาจปกครอง หากผู้มีอำนาจปกครองไม่สามารถมาดำเนินการได้ สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทนได้โดยต้องมีหนังสือมอบอำนาจและหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศพร้อมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดาและ/หรือผู้มีอำนาจปกครองฉบับจริงมาแสดง ทั้งนี้หนังสือมอบอำนาจและหนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศต้องผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขต
 
เอกสารประกอบการขอหนังสือเดินทางธรรมดาของผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี
 
- สูติบัตรฉบับจริง หากเป็นสำเนาสูติบัตรต้องได้รับการรับรองจากอำเภอ/เขต
- บิดาและมารดา หรือผู้มีอำนาจปกครองนำบัตรประชาชนฉบับจริงมาลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่
บัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุใช้งาน หรือ บัตรที่ใช้แทนได้ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ของบิดา มารดา หรือผู้มีอำนาจปกครองฉบับจริง หากชื่อนามสกุลบิดา มารดาในสูติบัตรไม่ตรงกับบัตรประจำตัวประชาชน ให้นำหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ หรือ นามสกุลที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วย ในกรณีที่มารดาหย่า และจดทะเบียนสมรสใหม่ และใช้นามสกุลใหม่ตามสามีให้นำหลักฐานการหย่าและการสมรสที่เป็นต้นฉบับมาแสดงด้วย
- หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทางไปต่างประเทศและบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของบิดามารดาที่ไม่มา ในกรณีที่บิดา/มารดาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถมาแสดงตัวได้
**หนังสือยินยอมของบิดา/มารดา ต้องผ่านการรับรองจากอำเภอ/เขต
(ผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องมีบิดาหรือมารดา คนใดคนหนึ่งมาแสดงตัวให้ความยินยอม)
- เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น อาทิ หลักฐานใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เอกสารหลักฐานการรับรอง บุตรหรือรับบุตรบุญธรรม บันทึกการหย่า ซึ่งมีข้อความระบุให้บุตรอยู่ในความดูแลของบิดา หรือมารดา เป็นต้น
- กรณีบิดา มารดาผู้เยาว์เสียชีวิต / บิดาหรือมารดาผู้เยาว์เป็นชาวต่างชาติมิได้จดทะเบียนสมรสและ ไม่สามารถตามหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาให้ความยินยอมได้ /บิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสแต่บุตรอยู่ในความดูแลของบิดาฝ่ายเดียวมาตลอด และไม่สามารถตามหามารดาได้ ให้นำคำสั่งศาลซึ่งระบุชื่อผู้มีอำนาจปกครอง พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจปกครองมาแสดง
ค่าธรรมเนียม
- การทำหนังสือเดินทางใหม่เสียค่าธรรมเนียม 1,000 บาท
- ผู้เยาว์อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์
- ระเบียบการขอหนังสือเดินทางของผู้เยาว์อายุ 15 ปีขึ้นไปแต่ยังไม่ครบ 20 ปี บริบูรณ์
ส่วนเอกสารวีซ่าเข้าอเมริกา  ต้องกรอกเหมือนของผู้ใหญ่ค่ะ คือ กรอก DS-160 ด้วยค่ะ ใช้เอกสารของผู้ใหญ่เรื่องการเงินประกอบการขอวีซ่า ส่วนการสัมภาษณ์ต้องนัดคิววีซ่าเหมือนผู้ใหญ่ค่ะ
 
 
            ฟาง        :ค่าธรรมเนียมวีซ่านี่ต้องจ่ายทุกคนก่อนไปสัมภาษณ์หรือเปล่าคะ (ก็สัมภาษณ์พร้อมกัน แล้วทำไมต้องจ่ายทุกคน ตอนนี้ความงกเริ่มครอบงำค่ะ) แล้วเอกสารพวกทะเบียนบ้าน ทะเบียนหย่า(ของแม่) ต้องเป็นภาษาอังกฤษไหมคะ?
 
            INDIRA : ค่าธรรมเนียมวีซ่าต้องจ่ายก่อนเข้าประตูสถานทูต เพราะสถานทูตรับเฉพาะใบเสร็จไม่รับเงินสดค่ะ ทะเบียนบ้าน ทะเบียนหย่าไม่ต้องแปล คนที่ต้องแปลคือ คนที่จะขอวีซ่าคู่สมรสค่ะ
 

            ฟาง        : เคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลก่อนทำพาสปอร์ต ต้องกรอกลง DS-160 ไปไหมว่าเราเคยเปลี่ยน?
            INDIRA : ต้องบอกค่ะ นำใบเปลี่ยนชื่อสกุลพร้อมนำใบแปลเอกสารที่ได้รับการรับรองแล้วไปด้วยค่ะ การแปลเอกสารและการรับรองเอกสารสามารถทำได้ที่ http://www.consular.go.th/main/th/services/1303/19817-คำแนะนำ-การยื่นคำร้องขอรับรองเอกสาร-(Instruction-f.html
(อันนี้ฟางไม่ได้แปลไป ทางสถานทูตก็ไม่ได้ขอดูด้วย แต่ใครจะแปลก็ตามใจนะคะ)
 
            ฟาง        : แม่เคยจดทะเบียนสมรส 2 ครั้ง แต่กรอกลงไปครั้งเดียวได้ไหม (ฟางเรื่องมาก(อีกแล้ว)ค่ะ 
            INDIRA : ถ้าสามีคนเดิม กรอกครั้งเดียวได้ค่ะ ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ถ้าจดทะเบียน 2 ครั้ง และต้องการจะแสดงว่า จดทะเบียนแค่ครั้งเดียว ให้เลือกครั้งที่จดกับพ่อของน้องค่ะ เพราะหากกงสุลท่านขอดูใบทะเบียนสมรส (กงสุลมีสิทธิ์ขอดูใบทะเบียนสมรส กรณีผู้หญิงที่เข้าไปขอวีซ่าสมรสแล้ว)จะได้เห็นว่า ผู้ชายคนนั้นคือพ่อน้อง แต่ถ้าเลือกครั้งที่ไม่ใช่ชื่อพ่อของน้อง กงสุลอาจจะมีคำถามว่า แล้วตอนอยู่กับของพ่อของน้องจดทะเบียนหรือเปล่าค่ะ อย่าลืมว่า ใน Ds-160 มีคำถามที่ถามว่า พ่อของน้องชื่ออะไร เกิดเมื่อไรค่ะ
 
 
            ฟาง        :  หากจำวันที่จดทะเบียน และหย่าร้าง ไม่ได้  มีผลอะไรไหมคะ?
 
            INDIRA :  อย่างน้อยน่าจะจำได้ว่า หย่ากันตอนลูกอายุกี่ขวบ ก็พอจะสันนิษฐานได้นะคะว่า จดทะเบียนหย่าเมื่อปีอะไร หากจำวันที่กับเดือนไม่ได้ก็ใส่คร่าวๆไปได้ค่ะ เช่นพอจำได้ว่า เค้ามาหย่ากับเราตอนนั้นเป็นหน้าฝน หรือเป็นช่วงไหนก็กะๆเดือนคร่าวๆดู ถ้าอยากรู้จริงๆก็ไปที่อำเภอหรือเขตที่จดทะเบียนหย่า เอาบัตรประชาชนให้เค้าดู เจ้าหน้าที่เค้าก็ search เจอจากคอมได้แล้วว่า หย่ากันเมื่อไหร่ค่ะ เพราะปัจจุบันทางการเค้าเก็บข้อมูลไว้ในบัตรประชาชนหมดแล้ว ที่เค้าบอกว่า บัตรประชาชนเป็นแบบ smart card ค่ะ
            ฟาง        : ฟางจำวันเดือนปีเกิดพ่อไม่ได้ เพราะแม่หย่ากับพ่อตั้งแต่ฟางเกิด จะมีผลอะไรไหมคะ?










            INDIRA :   เหมือนเดิม คือ เอาเป็นปีที่เราเกิดก็ได้ที่พ่อกับแม่หย่ากันค่ะ หรือเหมือนขอ 3 หากอยากรู้จริงไปแค่อำเภอดูจากเบอร์บัตรประชาชนในคอมพิวเตอร์ก็เช็คได้แล้วค่ะ แต่ถ้าไม่อยากไปทำเพราะเสียความรู้สึกก็สันิษฐานตามที่พี่แนะนำในข้อ 3 ค่ะ
             ฟาง        :ประกันสุขภาพต้องมีทุกคนหรือเปล่าคะ? ครอบครัวไปเที่ยวเฉยๆ ไม่ทราบว่าจำเป็นไหม?
            INDIRA :    เวลาขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ไม่ได้ขอดูเรื่องการประกัน  ถ้าจะขอวีซ่าเชงเก้นไปยุโรปจึงจะต้องมีหลักฐานการประกันสุขภาพค่ะ
             ฟาง        :ฟางอยากได้วีซ่า F-1 และ B-2 ต้องมีการชำระเงินเพิ่มเติมไหมคะ? อย่างเช่นเงินค่าวีซ่าสัมภาษณ์ หรืออื่นๆ
            INDIRA :    ค่าวีซ่าของนักเรียนประกอบด้วย ค่าวีซ่าทั่วไป 4,800 บาท บวกด้วยการจ่ายค่า Sevis I-901 Fee ผ่านทาง www.fmjfee.com อีก 200 US$ ค่ะ ส่วนวีซ่านักท่องเที่ยวจ่ายเพียง 4,800 บาทอย่างเดียว ราคานี้ต่อคนนะคะ อ่านที่ http://www.thailandpost.com/upload/service/PDF/_2013058_094125.pdf
             ฟาง        :ทำยังไงจะได้วีซ่า B-2  เป็นเวลา 10 ปีคะ? เราจะขอเขาได้ไหม หรือแล้วแต่ว่าเขาจะพิจารณา

            INDIRA :    แล้วแต่กงสุลเป็นผู้พิจารณาเองค่ะ บางคนได้แค่ 6 เดือนก็มี เพราะกงสุลไม่ไว้วางใจที่จะให้นานถึง 10 ปี แต่ก็ม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธค่ะ ต้องรอขอรอบที่ 2 จึงจะได้นาน 10 ปีค่ะ