บ้านฟางอยู่ที่จังหวัดปทุมธานีค่ะ แล้วก็ไม่ค่อยชินกับการไปที่สถานฑูตอเมริกา วันนี้ฟางกับแม่ขับรถไป 2 คน ก็เลยคิดว่าจะขับรถไปจอดที่ BTS หมอชิต เพราะ สถานทูตอเมริกาอยู่ใกล้กับ BTS เพลินจิต
ฟางใช้ Google Map ในการนำทางไป BTS หมอชิตค่ะ แต่ด้วยความที่ว่ากลัวไม่มีที่จอด เราก็เลยตัดสินใจว่าจะไปจอดที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ก็ไม่ได้รู้หรอกนะว่ามีสวนสมเด็จอยู่ที่นี่ บังเอิญว่าขับรถผ่าน แล้วอีกอย่างก็ไม่รู้ด้วยว่ามีที่จอดรถอยู่ที่อื่นอีกหรือเปล่าก็เลยตัดสินใจว่าจะจอดรถอยู่ที่นี่ รปภ.ที่นี่น่ารักมาก ใจดีด้วย แต่หลังจากที่ดูใน google Map ก็เห็นว่ามันไกลจากที่นี่พอสมควร ก็เลยตัดสินใจขึ้นรถแทกซี่ไปค่ะ
นี่คือรถแทกซี่คันแรกที่ขึ้น ตอนนี้น่าจะประมาณ 7 : 00 น. ค่ะ แทกซี่ก็สบายๆชวนคุยไปเรื่อย เสียค่าแทกซี่ 37 บาทค่ะ และแล้วเราก็มาถึง BTS หมอชิต
ตอนนี้ที่สถานีมีให้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวในราคา 42 บาท จากBTS หมอชิต ไปถึง BTS เพลินจิต ก็ราคา 42 บาทพอดีค่ะ ถ้าจำไม่ผิดให้ออกจาก BTS เพลินจิตที่ประตู 5 หรือจะลง ประตู 2 แล้วเดินออกจากอาคารก็ได้นะคะ *แอร์เย็นดี ^_^
เดินไปเรื่อยๆ เราก็จะเจอสถานทูตอเมริกาค่ะ
ฟางไปถึงที่สถานทูตเวลาประมาณ 7:30 คนต่อแถวยาวเหยียดเลยค่ะ แล้วก็จะมีพี่ใส่เสื้อสีเขียวๆยืนอยู่คอยเช็คข้อมูลประมาณ 3 คน
ฟางจะเริ่มตั้งแต่เดินทางเข้าไปสถานทูตเลยนะคะ แต่ไม่มีรูปเพราะทางสถานทูตห้ามขำสิ่งที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปเด็ดขาด
1. เดินเข้าไปต่อแถวค่ะ พี่คนเสื้อเขียวจะขอดูหนังสือเดินทางของเรา
2. ยืนรอหลังเส้นเหลืองค่ะ เขาจะปล่อยให้เราเข้าไปทีละคน
3. พอเปิดประตูเข้าไปจะเป็นจุดฝากของค่ะ เช่น โทรศัทพ์ อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของมีคม ไฟแช็ก และอื่นๆค่ะ หลังจากฝากของแล้วเราจะได้รับสายคล้องข้อมือสีม่วงๆค่ะ แล้วห้อยด้วยหมายเลขของล็อกเกอร์ที่ฝากของ ฟางได้ E16 ค่ะ แล้วอีกอย่างก็คือใบสีฟ้าๆค่ะ เราจะเอาไว้เสียค่าธรรมเนียมของไปรษณีย์ในการส่ง Visa มาที่บ้านค่ะ
4. หลังจากฝากของของเสร็จเขาจะให้เราเอากระเป๋าทั้งหมด รวมถึงกระดาษสีฟ้า(ที่เพิ่งให้เรามา) วางในกระกร้าค่ะ
5.รอให้กระเป๋าของเราตรวจเช็กเสร็จเรียบร้อยเขาจะเรียกให้เราเดินไป แล้วเขาจะตรวจร่างกายของเราอีกทีว่าพกอาวุธมาด้วยหรือเปล่า
6. หลังจากตรวจเสร็จแล้วก็หยิบของในตระกร้าแล้วเปิดประตูเข้าไปเลยค่ะ
7. เดินไปตามทางเลยนะคะ จะมรีที่กั้นสีน้ำเงิน เราก็เดินไปต่อแถวตรงนั้นเลยค่ะ จะมีพี่พนักงานอีก 2 คนคอยเตรียมเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ให้เรา โดยที่เราก็ยื่นเอกสารที่ต้องใช้ทั้งหมดให้พี่เขา แล้วพี่เขาก็จะแยกออกเองค่ะ หลังจากพี่เขาแยกเอกสารที่จำเป็นแล้วเขาก็จะใส่ซองใสๆ (พี่เขามีให้ เราไม่ต้องเตรียมไปนะคะ) แล้วเอกสารที่เหลือเราก็เก็บไว้เหมือนเดิมค่ะ
8. พอเตรียมเอกสารเสร็จก็เดินออกจากที่กั้นสีน้ำเงินไปต่อแถวด้านข้าง เราจะสังเกตุเห็นช่องหมายเลข 1-3 เราเดินไปต่อช่องพวกนี้แหละค่ะ เลือกได้ตามสบายเลย แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เพราะแถวมันยาวมาก จนเจ้าหน้าที่ต้องให้ตัดแถวไปต่อด้านใน แต่เราไม่มีสิทธิ์เดินเข้าไปเองหรอกนะ ต้องทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกค่ะ ฟางได้ต่อแถวที่ช่อง 15 (ช่องนักการทูต มันคืออะไร? อันนี้ก็ไม่เข้าใจ
เหมือนกัน)
9. รอนานมากค่ะว่าจะถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่ก็จะเช็กเอกสาร ถ้าขาดอะไรเขาก็ถามว่าเรามีไหม ตอนนั้นฟางขาดหนังสือรับรองการเงินค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่ด้านหน้าเขาคัดออก ฟางก็ยื่นหนังสือรับรองการเงินของแม่ให้เจ้าหน้าที่ไปค่ะ เพราะแม่เป็นสปอนเซอร์ พอเอกสารครบ เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราแสกนลายนิ้วมือ ครั้งแรกก็ 4 นิ้วด้านซ้าย แล้วก็ตามด้วยด้านขวา (ถ้าเขาให้เราใช้มืออีกข้างกดก็ไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะว่าแรงกดมันไม่พอ อิอิ) ต่อมาก็ นิ้วโป้งทั้งด้านซ้ายและด้านขวา กดพร้อมกัน แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะกดหมายเลขให้เราค่ะ ฟางได้เลข 053 เวลา 8:48 นาที แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ
10. หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เราเดินไปต่อแถวที่ช่อง 9 เขาก็แค่จะเช็กลายนิ้วมือว่าถูกต้องไหม บางคนเจ้าหน้าที่ก็ให้แสกนลายนิ้วด้านซ้าย แต่เจ้าหน้าที่ให้ฟางแสกนด้านขวาค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้เราไปนั่งรอเรียกชื่อ หรือหมายเลขที่ที่นั่งด้านใน (เดินไปเดี๋ยวก็เจอที่นั่งเองค่ะ *คนรอเยอะมาก) ฟางแอบเห็นว่าเขาเซ็นอะไรมาให้ด้วยก็ไม่รู้
11. ฟางนั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 10:47 น. ก็มีเสียงประกาศมาว่า ให้หมายเลข 000 ถึงหมายเลข 060 ไปต่อคิวที่ช่อง 12 ปกติเราจะเรียกทีละสิบ แต่ด้วยความที่ว่าบางคนก็หายไปเขาก็เลยเรียกรวมกันมาเรื่อยๆค่ะ
12. และแล้วก็ถึงคิวที่ฟางถูกสัมภาษณ์ ต่อคิวที่ช่อง 12 แต่ได้สัมภาษณ์ที่ช่อง 11 ตอนนั้นตื่นเต้นมากก ก ในใจคิดว่าจะผ่านหรือเปล่า แค่นั้นเอง ปรกฏว่าตอนสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ไม่คุยภาษาอังกฤษกับเราเลย คุยแต่ภาษาไทย
เจ้าหน้าที่ : สวัสดีค่ะ (ไม่ยิ้มเลยอ่ะ ในใจคิดว่าเจ้าหน้าที่จะน่ากลัวไหม)
ฟาง : สวัสดีค่ะ (ฟางยิ้มให้ เขาก็เลยยิ้ม ตอนนั้นโล่งใจมาก)
เจ้าหน้าที่ : จะไปที่ไหนคะ?
ฟาง : ชิคาโก้ค่ะ
เจ้าหน้าที่ : ไปทำไมคะ?
ฟาง : ไปเรียนภาษาค่ะ
เจ้าหน้าที่ : เรียนนานแค่ไหนคะ?
ฟาง : 6 เดือนค่ะ
เจ้าหน้าที่ : เรียนเสร็จแล้วมีแพลนอย่างอื่นไหมคะ?
ฟาง : ก็เรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกาต่อเลยค่ะ
เจ้าหน้าที่ : อยากเรียนอะไรคะ?
ฟาง : อยากเรียน Tourist ค่ะ
เจ้าหน้าที่ : เรียนจบแล้วจะทำอะไรต่อคะ?
ฟาง : ก็จะมาเป็นไกด์อ่ะค่ะ
เจ้าหน้าที่ : อ๋อ Tourism แล้วจะกลับมาประเทศไทยอีกไหมคะ?
ฟาง : กลับแน่นอนค่ะ
เจ้าหน้าที่ : คุณพ่อคุณแม่ทำงานอะไรคะ?
ฟาง : ทำงานบริษัท........ค่ะ
เจ้าหน้าที่ : กรอกข้อมูลในใบนี้ แล้วก็ไปชำระค่าธรรมเนียมที่ไปรษณีย์นะคะ
13. ใบสีฟ้าๆที่ได้มาตอนที่เราไปฝากของนั่นแหละค่ะ เอาไปชำระที่ไปรษณีย์ พอฟางกรอกข้อมูลเสร็จ ล้วงเข้าไปในกระเป๋า เฮ้ย! ลืมเอาเงินมา! ฟางก็เดินไปหาพนักงานด้วยความซื่อ "พี่คะ หนูลืมเอาเงินมา จะไปเอาเงินกับแม่ที่ด้านนอกต้องทำยังไงคะ?" พี่เขาตอบสั้นๆว่า "เดินออกไปค่ะ" ตอนนั้นอายมากก ก เปิ่นอีกแล้ว
14. ฟางก็เดินออกไป เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า "ได้ฝากของเอาไว้ไหมคะ?" ฟางก็ยื่นสร้อยคล้องข้อมือให้ แล้วก็ได้โทรศัพท์คืนมา ด้วยความอายเลยเอากระดาษสีฟ้าๆยัดเก็บใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไปเหมือนกับว่าเราสัมภาษณ์เสร็จแล้ว
15.ฟางลืมบอกไปว่าเขาไม่ให้คนที่ไม่สัมภาษณ์เข้าไปด้านในด้วย ฟางก็เลยต้องออกไปเอาเงินกับแม่ด้านนอก แล้วก็เข้าไปด้านในใหม่อีกครั้ง
16.ฟางยื่นใบสีฟ้าให้ รปภ. ด้านหน้าดู เขาก็ทำหน้าโหดๆใส่ แต่ฟางว่าเขาแกล้งเล่นแค่นั้นเอง เขาก็เลยใช้รีโมทปลดล็อกประตูให้ ฟางก็เดินเข้าไปเหมือน
17. เขาก็ให้เอากระดาษสีฟ้าวางลงในตระกร้าเหมือนเดิม
18. พอตรวจเสร็จแล้ว เขาก็ให้เราไปตรวจอีกเหมือนเดิน
19. พอหยิบกระดาษแล้วก็เดินเข้าไปเหมือนเดิมค่ะ
20. ไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์ราคา 80 บาท ฟางก็ถามเขาว่าต้องรอนานแค่ไหน? เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า"ไปรษณีย์แค่สองวัน แต่สถานทูตเขาไม่รู้) สรุปว่าเร็วสุดก็ 2 วันมั้ง
แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะตอนกลับก็ทำเหมือนเดิม ขึ้นรถไฟฟ้าที่เพลินจิต แต่ไม่มีตั๋วเที่ยวเดียวขายแล้ว แต่ก็มีตู้ที่จ่ายด้วยแบงค์ได้ นับว่าโชคดีค่ะ ที่ไม่ต้องไปแลกเหรียญ พอถึงที่ BTS หมอชิตก็ไปขึ้นรถแทกซี่กลับไปที่ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เหมือนเดิมค่ะ
ฟางบอกเขาว่าไปสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฝั่งที่เป็นวินรถตู้อยู่ใต้สะพานลอย ปรากฏว่าแทกซี่ไม่เข้าใจ ฟางก็จำไม่ได้ว่าประตูไหน คุยกันไปคุยกันมาเขาบอกว่า "ถ้าเอารถมาจอดที่นี่อีกให้บอกรถแทกซี่คันอื่นว่า ....ทางไปบ้านพักรถไฟ" อ๋อ....บ้านพักรถไฟ มันคือที่ไหนอ่ะ? เป็นอันว่าตอนนี้ถึงรถด้วยความปลอดภัยแล้วค่ะ ^_^
มีอะไรก็เข้ามาถามในแฟนเพจกันได้เลยนะคะ : https://www.facebook.com/pages/Lips-of-an-angels-translate-song/162487627208984?notif_t=page_new_likes