วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เดินทางไปหาคำตอบ ที่สถานทูตอเมริกา!!

วันนี้ฟางไปสถานทูตอเมริกามาค่ะเพื่อนๆ อาจจะดูเบ๊อะๆไปบ้าง(สำหรับคนที่เจอกันวันนี้) แต่ฟางก็ได้คำตอบมาให้ทุกคนนะ!!!

วันนี้ฟางขึ้นรถเมล์จากห้วยขวาง สาย 136 (ฟรีค่ะ) ไปลงที่อโศก  แล้วก็ต่อรถเมล์สาย 48 (เสีย 8 บาท TT) ลงที่ เพลินจิต แล้วก็เดินไปเรื่อยๆๆๆ อ้อ! มีเลี้ยวซ้ายด้วย แต่จำไม่ได้ว่าตรงไหน ลืม!

ระหว่างทางเดินไปสถานทูตอเมริกา
นานมากอ่ะกว่าจะถึง ตอนแรกเจอป้ายว่าสถานทูต ดีใจนึกว่าถึงแล้ว ที่ไหนได้....สถานทูตประเทศอื่น 
เดินต่อไปเรื่อยๆค่ะ จะเจอเอกอัคราชทูตอเมริกาอยู่ฝั่งขวามือ (ไม่ได้ถ่ายรูปมา ตำรวจเยอะ นู๋กลัว) ไม่ใช่ตรงนั้นนะคะ เดินเลยมาเรื่อยๆจะเจอสะพานลอย

รูปใต้สะพานลอยค่ะ
ภาพใต้สะพานก่อนถึงสะถานทูต


จะเจอรูปพวกนี้อยู่ใต้สะพานลอย ถ้าได้มองใกล้ๆจะสวยมาก แต่แค่นี้ก็สวยแล้วเนอะ 
สถานทูตอเมริกา ปล.ถ่ายจากฝั่งตรงข้าม
และแล้วเราก็ถึงค่ะ สถานทูตอเมริกา เลยสะพานลอยมานิดเดียวนะคะ พอเห็นแล้วก็หายเหนื่อยค่ะ แต่พอหลังจากนั้นความกลัวเริ่มเข้ามาครอบงำ ยืนจ้องๆมองเหมือนคนจะมาขโทยของ จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเรียกให้เข้าไปหา แล้วเราก็บอกว่าเราจะมาขอข้อมูลในการขอวีซ่า F-1 พี่เขาก็เรียกพี่อีกคนที่อยู่ข้างในมาคุยกับเราด้านนอก แล้วพี่อีกคนก็ยื่นเอกสารนี้ให้เรา

เอกสารสำคัญในการยื่น VISA F-1 
 จริงๆแล้วพี่เขาไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ เขาใจดีจะตายมีแต่เราที่บ้าไปเอง ฮ่าๆ จริงๆวันนี้ก็คุ้มนะคะ เพราะได้ไปดูสถานที่จริงก่อนมาขอวีซ่า อย่างน้อยเราก็สามารถคำนวนเวลาเดินทางได้

เดินกลับอีกเช่นเคยค่ะ
เดินมาแล้วก็ต้องเดินกลับ ทำให้ได้รู้ว่าระแวกแถวนี้มีแต่สถานทูตจริงๆ

แฟนเพจ แอดมาคุยกันนะคะ : https://www.facebook.com/pages/Pheonixz/162487627208984?ref=hl

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วิธีสมัครสอบ TOEFL iBT อย่างละเอียด!!!!!!






หลายคนคงสงสัยใช่ไหมล่ะ บางทีมันก็ต้องสอบแม้ว่าเราจะไม่ได้เก่งภาษาอะไร วันนี้ฟางจะมาบอกแบบละเอียดทุกขึ้นตอนเลย!

1. เข้าไปที่ http://www.ets.org/toefl
2. มองหาคำว่า  TOEFL iBT® Test แล้วมองลงไปเรื่อยๆจะเจอคำว่า Register for the Test 


3.เลื่อนลงมาเรื่อยๆค่ะ จะเจอคำว่า Register Online


4. สำหรับใครที่ยังไม่เคยสอบเลยก็ต้องลงทะเบียน( Sign Up) กันก่อนค่ะ


5.กรอกข้อมูลกันเลยค่ะ (ด้านล่างไมต้องสนใจก็ได้ค่ะ)






6.กรอกข้อมูลหน้าที่ 2 ค่ะ


7.เป็นเงื่อนไขต่างๆค่ะ อ่านๆผ่านๆแล้วก็ตกลงเถอะค่ะ ยังไงก็ต้องสอบ


8. ตั้ง Username กับ​ Password

9.ตรวจข้อมูลดีๆนะคะ จากนั้น Confirm เลย



10. ตอนนี้เราสมัครเสร็จแล้วนะคะ ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกที่สอบค่ะ






11. เลือกที่สอบ และ วันที่ต้องการสอบ



12.เลื่อนลงมา จะเจอสถานที่สอบต่างๆในจังหวัดที่เราเลือก


13. หน้าต่อไปจะเป็นการทวนรายละเอียดเรื่องสถานที่สอบ และเวลาที่จะสอบ
14.กรอกเลขที่passport / บัตรประชาชน / ใบขับขี่ / อื่น (เรียงตามลำดับเลยนะคะ) ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นหลักฐานในวันสอบค่ะ ปล.เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนะคะ


15. เลือกว่าจะดูคะแนนที่ไหน บนเวปอย่างเดียวหรือส่งไปที่บ้านด้วย


16. ขั้นตอนนี้ skip ไปเลยก็ได้ค่ะ




17. เขาจะถามว่าเอาผลคะแนน TOEFL ไปทำอะไร เคยเรียนมาก่อนไหม บลาๆ








เพจ แอดมาคุยกันนะ : https://www.facebook.com/pages/Pheonixz/162487627208984

เอกสารในการขอ VISA F-1 ละเอียดมาก!!!! (เท่าที่รู้)

สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือ ค้นหาจาก GOOGLE เท่านั้น แล้วแต่ละเวปก็เขียนต่างกันเยอะมาก! แต่ก็มีสืิ่งที่สำคัญๆ และเหมือนๆกันนั่นคือ

1. พาสปอร์ท (ไม่มีพาสปอร์ตแล้วจะไปต่างประเทศได้ไงล่ะ)



2.รูปภาพภาพ (จะเป็นรูป 2x2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว เห็นหู ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน แต่เนื่องจากเป็นคนอ้วนเลยไม่เห็นหูยังไม่รู้เลยว่าจะทำไงดี)
3. จดหมายรับรองการทำงานและเงินเดือนของสปอนเซอร์ (อาจจะเป็นพ่อแม่ หรือใครก็ได้ที่เป็นคน
อุปถัมภ์ตลอดเวลาที่เราไปต่างประเทศ)



4.หลักฐานทางการเงินของ sponsor  (หนังสือรับรองการเงิน ภาษาอังกฤษ)

       อันนี้ฟางไม่มีตัวอย่างให้ดูนะคะ แต่เราไปบอกทางธนาคารว่าให้ออกหนังสือรับบรองการเงินภาษาอังกฤษเพื่อยื่นขอวีซ่า รับรองว่าทางธนาคารเข้าใจแน่นอนค่ะ

5.I-20  (ซึ่งจะได้จากโรงเรียนที่เราสมัคร) ตอนนี้ฟางก็กำลังรออยู่เหมือนกัน #ตอนนี้ได้รับ I-20 มาแล้วนะ   ที่เรียนส่งมาให้ตั้งแต่วันที่ 11 เดือน กรกฎาคม รอประมาณ  5 สัปดาห์ค่ะ แต่มีคนบอกฟางว่าเคยรอประมาณ 2 เดือนกว่าจะได้



6.Sevis Fee (I-901) (จ่ายเฉพาะนักเรียนที่จะไปเรียนที่อเมริกา) ฟางจ่ายไปทางเวป กำลังรอใบเสร็จเหมือนกัน # ตอนนี้ได้รับแล้วนะเออ อันนี้ก็รอร่วมเดือนเหมือนกัน


7.DS-160  (https://ceac.state.gov/genniv/ ) <----สมัครได้ตามลิ้งนี้เลยนะคะ

                อันนี้จำเป็นมากเลยนะคะ เราต้องกรอกให้เสร็จก่อนที่จะจองวันสัมภาษณ์นะ ** ใครอยากได้รายละเอียดอะไรเพื่อนเติมก็ส่งข้อความมาบอกได้ทั้ง Fanpage , Email

8.Pin (ซื้อที่ไปรษณีย์ เพื่อนำมาจองวันสัมภาษณ์) ฟางไปซื้อพินมาแล้วเมื่อวันศุกร์ แต่วันนี้วันเสาร์แล้ว ทำไมใช้ไม่ได้ก็ไม่รู้???? จะว่าฟางโง่ก็ได้นะ เพราะเขาบอกไว้อยู่แล้วว่า "จะใช้ได้ในตอน 13.00 น. ของวันทำการ" แล้วเสาร์- อาทิตย์มันไม่ใช่วันทำการอ่ะ T^T

             
 
จะสังเกตุเห็น "Pin gener ator" จะมีทั้งหมด 15 หลัก เราใช้เลขนี้ตอนกรอกการจองสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ แต่ต้องซื้อก่อนการจอง 1 วันนะ


9.ค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์ (ซื้อที่ไปรษณีย์) แพงอ่ะ แค่สัมภาษณ์เสีย 4800 บาท

อันนี้เป็นเพียงแค่กระดาษที่เราใช้กรอกข้อมูลตอนที่ไปซื้อค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์
 
ตอนแรกเราก็ไปแจ้งที่ไปรษณีย์ว่าจะมาเสียค่าธรรมเนียมการสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา เจ้าหน้าที่ก็จะส่งใบสีชมพูแบบที่เห็นในภาพมาให้เรากรอกค่ะ

               สิ่งที่ต้องใช้จริงๆคือใบเสร็จที่เราได้จากไปรษณีย์ ไม่ใช่ใบสีชมพูนี้นะคะ ควรเก็บรักษาไว้ให้ดีนะเออ


10. Transcript เรียกภาษาไทยสั้นๆง่ายๆ ว่า หนังสือรับรองการศึกษาของทางโรงเรียนค่ะ ต้องเป็นตัวจริงเท่านั้น ย้ำ! ต้องเป็นตัวจริงเท่านั้น
 
 
แต่ว่าฟางเรียนจบแล้ว เลยต้องมีเอกสารอีกอย่างค่ะ
 
 
ตอนแรกฟางก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าต้องใช้ แต่บังเอิญว่าขอจากทางโรงเรียนมาเผื่อเอาไว้ แล้วมันก็ใช้จริงๆค่ะ มันเป็นเอกสารที่บ่งบอกว่า เราเรียนที่โรงเรียนนี้จริงๆ ที่สำคัญนะคะ ต้องเป็นตัวจริงเท่านั้น


******เรื่องตั๋วเครื่องบินซื้อผ่าน agency  จะราคาถูกกว่าเราไปซื้อเองนะ ยิ่งซื้อไว้ล่วงหน้านานๆราคาก็จะถูกกว่า แต่ละวันราคาไม่เท่ากัน สงสัยอะไรยังไงก็ถามไว้นะ

พรุ่งนี้ฟางไปสัมภาษณ์วีซ่าแล้ว!! มีใครสัมภาษณ์วันพรุ่งนี้ไหม??? ตื่นเต้นมากกกก ก

 

ฟางสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ผ่านแล้วค่ะ

เพจ แอดมาคุยกันนะ : https://www.facebook.com/pages/Pheonixz/162487627208984

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เริ่มต้นใหม่ ไปรัฐชิคาโก้

คนที่ลุงติดต่อให้อยู่ที่รัฐชิคาโก้ มันอาจจะแตกต่างกับความต้องการของตัวเองไปสักหน่อย เพราะตอนแรกอยากจะอยู่รัฐที่สงบๆ คนไทยไม่เยอะมาก แต่ก็ยังมีธรรมชาติ และติดกับทะเล  
(ไม่รู้ว่าเอฟเฟค หรือเปล่า เพราะยังไม่ได้ไป)

พี่ที่อาศัยอยู่ที่ชิคาโก้คือ พี่จี(นามสมมติ) เราติดต่อกันทางไลน์มาโดยตลอด และพี่จีก็แนะนำให้ฟางสมัคร UIC (University of illinois at chicago) 


(ภายจากเน็ตอีกเช่นเคยค่ะ ไม่รู้ว่าสถานที่จริงหรือเปล่า)

แต่มันก็จำเป็นต้องใช้ TOEFL ซึ่งฟางก็ยังไม่เคยแม้แต่จะสมัครสอบเลย เห็นในเน็ตบอกว่าต้องใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 2 เดือนขั้นต่ำ แต่ด้วยความที่เรารีบ จึงลงแบบไวที่สุดค่ะ 

(สัญลักษณ์ของ toefl)

แล้วก็ได้ของอาทิตย์หน้า ซึ่งมันไวมากๆ ฟางใช้เวลากลางคืนในการเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ
แม่บอกว่าให้ฟางย้ายไปอยู่ขอนแก่นด้วย เพื่อเตรียมตัวก่อนไปเรียนที่อเมริกา

(Wiseman Khonkaen จากเน็ตอีกเช่นเคย)

ฟางเลือกเรียนที่ wiseman เพราะมีเพื่อนคนนึงแนะนำมา บอกว่าที่นี่สอนสนก พอได้เข้าไปเรียนแล้วก็รู้สึกดีค่ะ เขาพยายามฝึกให้เรากล้าที่จะพูด มีทั้ง workshop และ course ตามปกติ ฟางรอ toefl อยู่ประมาณเกือบเดือน และผลคะแนนที่ได้มา 21 คะแนน เต็ม 120 ถือว่าต่ำมากกกกก ก

แต่ยังไงก็ต้องสมัคร UIC อยู่ดี เอกสารก็ครบแล้ว แต่พอไปสมัครปรากฎว่า UIC ปิดรับสมัครไปแล้ว ฟางก็ได้กลับไปปรึกษาพี่เจอีกครั้ง พี่จีก็บอกว่างั้นไปเรียนภาษาก่อน แล้วค่อย tranfer เข้า UIC

(INTRAX ปู่เกิ้ลค่ะรูปนี้)

เลือกเรียน INTRAX เช่นเดิม มาตรฐานเดิมคือไม่แพงมาก ฟางตัดสินใจสมัครออนไลน์ไปเลย เพราะเอกสารทุกอย่างเรามีพร้อมแล้ว แล้วพอสมัครเสร็จล่ะ...ต้องทำไงต่อ??

คำพูดของ AUA ก็แว๊บบเข้ามาในหัว ไปอเมริกาได้ต้องมีวีซ่า ฟางก็เริ่มค้นหาว่าไปเรียนที่อเมริกาต้องใช้วีซ่าอะไร และคำตอบที่ได้ก็คือ "VISA F-1" แล้วขอที่ไหนล่ะ?? ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง??

เพจ แอดมาคุยกันนะ : https://www.facebook.com/pages/Pheonixz/162487627208984

หาทางเรียนต่างประเทศ!!!!

เหมือนทุกอย่างกำลังไปได้สวยนะ แต่พอเราขึ้นรถกำลังจะกลับบ้าน แม่ก็พูดว่า "แม่ไม่ชอบ agency ที่นี่ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่มีการเตรียมความพร้อม" ฉันก็เริ่มกลับมาเครียดอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะไม่มีที่เรียนเหมือนเดิม เหมือนทุกอย่างกำลังจะลงตัว แต่สุดท้ายก็ดิ่งลงเหว แต่น้าก็พูดขึ้นมาว่า "ทำไมไม่หาทางไปเอง ทำเอกสารเอง แบบที่ไม่จำเป็นต้องผ่าน  agency ล่ะ?" แค่นั้นก็เหมือนสวรรค์เมตตาแล้วล่ะ ^^

สิ่งแรกที่ฉันคิดออกคือ การเลือกประเทศที่เราอยากจะไป แน่นอนฉันเลือกเหมือนเดิม

(USA ปล.ภาพจากGoogle ค่ะ)

พอเลือกประเทศได้แล้ว อย่างที่สองก็คือ การเลือกรัฐที่จะอยู่ แต่ลุงก็บอกว่าน่าจะเป็นรัฐทางใต้ เพราะค่าครองชีพถูก แต่ความตั้งใจของฉันก็ยังเหมือนเดิมนั่นก็คือ

(มองหารัฐทางใต้ ปล. Google ค่ะ)

การมองหารัฐที่ติดกับทะเล และเป็นป่าไม้ เรียกได้ว่าเน้นธรรมชาติดีกวาค่ะ แล้วสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ต้องเป็นรัฐที่ปลอดภัย คนไทยน้อย ภายุเข้าไม่บ่อยมาก! แล้วก็ได้มา 3 รัฐค่ะ (ควรเผื่อสำรองไว้นะ อย่ามุ่งหาเพียงแค่รัฐเดียว)


รัฐแรก คือ จอร์เจียร์
เป็นรัฐที่มี อากาศอุ่นๆ ไม่หนาวจัด คนส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ คนไทยก็มีพอสมควรค่ะ เป็นเมืองสงบ ผู้คนอัธยาสัยดี   การคมนาคมก็ควรใช้รถส่วนตัว รถเมล์กับรถไฟไม่ค่อยสะดวก มีวัด 3-4 ที่ 
หน้าร้อนจะร้อนกว่าเมืองไทย 


เป็นรัฐที่มีธรรมชาติเยอะ มีคนไทยอยู่เยอะ มีวัดไทย ผู้คนอัธยาสัยดี ค่าครองชีพแพงหน่อย 
อากาศหนาว


รัฐที่สาม คือ รัฐแมรี่แลนด์  คนส่วนมากผิวขาว เป็นรัฐสงบ(อีกเช่นเคย) ร้านอาหารไทยเยอะ มีวัดไทย 

พอเลือกรัฐเสร็จแล้วขั้นต่อไปก็คือ ต้องหาที่เรียนแล้วเปรียบเทียบราคา! ยุ่งแล้วสิ เพราะมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ยิ่งเราไม่เคยไปประเทศไหนมาก่อนเลย! ภาษาอังกฤษก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ 
แต่แล้วน้าก็โทรมาบอกว่าให้ไปขอข้อมูลที่..........
(AUA สาขาจามจุรีย์ ค่ะ)

ที่นี่ให้ข้อมูลดีมากๆ อยากรู้อะไรก็ให้ถามเขาไปได้เลย แถมยังให้เบอร์มาติดต่อสอบถามเผื่อมีอะไรไม่เข้าใจ  02 657 6411-7 <----- เบอร์โทรนะคะ

แล้วในที่สุดเราก็ได้ที่เรียนที่เราต้องการ เราตัดสินใจว่าจะเรียนภาษาก่อน เพราะภาษาเรายังไม่ค่อยแข็งแรง แล้วค่อย tranfer  เข้ามหาลัยที่ต้องการ เราได้รู้ว่าเราต้องใช้วีซ่าในการเดินทางไปอเมริกา ต้องสอบ TOEFL ในการต่อมหาลัย และอีกหลายๆเรื่องที่เราไม่เคยรู้

(โรงเรียนสอนภาษาในแมรี่แลนด์)

เราเลือกที่นี่ และเตรียมตัวที่จะสมัครออนไลน์ แต่เอกสารก็ยังไม่พร้อมตลอดเลย และตอนสมัครเขาก็จะถามถึงที่พักอาศัยในอเมริกา ซึ่งเราก็ยังไม่มี หลังจากนั้นเราก็พยายามหาไปเรื่อยๆ เหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่แม่ก็โทรมาบอกว่า "ลุงเขาถามว่าทำไมไม่ปรึกษาเขาเลย" ซึ่งเราก็งง แต่บางทีความเป็นลูกก็ต้องเชื่อแม่นั่นแหละ เราตัดสินใจโทรไปหาลุง แล้วเขาก็บอกว่าจะติดต่อพี่คนนึงที่อยู่อเมริกาให้ 
นั่นหมายความว่าสิ่งที่เราพยายามมาตลอดหลายเดือนได้จบลงไปแล้ว

*** ข้อมูลเกี่ยวกับรัฐต่างๆเราเป็นคนหาข้อมูลมาจากเวปทั่วไป สรุปคร่าวๆได้แค่นี้นะคะ

เพจ แอดมาคุยกันนะ : https://www.facebook.com/pages/Pheonixz/162487627208984

แนะนำตัว

ไดอารี่เล่มแรก

สวัสดีค่ะ ชื่อฟางนะคะ วันนี้อยากจะมาเล่าเรื่องราวก่อนจะไปถึงชิคาโก้
หวังงว่าคงจะมีประโยชน์กับใครหลายๆคนนะคะ

ฟางเริ่มต้นการเรียนไม่สวยนักหรอกค่ะ ตอนที่เลือกสายก่อนเข้าม.ปลาย ฟางคิดว่าตัวเองอยากเรียนฟู๊ดไซย์ ฟางเลยลงเรียนสายวิทย์-คณิต แต่พอม.5 ปลาย ฟางเลยรู้ว่าตัวเองชอบภาษา แต่เป็นคนที่เรียนภาษาอังกฤษแย่มาก แต่ก็ยังคงชอบที่จะนั่งฟังเพลงสากล ชอบแปลเพลง ชอบนักร้อง บลาๆ


นี่คือโรงเรียนของฟางค่ะ (ทายสิว่าใคร ปล.อ้วนสุดๆนั่นแหละ อิอิ)

แต่ในเมื่อเรียนสายนี้มา ฟางก็ไม่สามารถเข้าคณะมนุษศาสตร์ได้ ฟางก็เลยตัดสินใจสอบคณะอื่นไปเล่นๆ เพื่อวัดความสามารถของตัวเองก่อนที่จะแอดเข้าคณะที่ตัวเองต้องการ 


(คุ้นๆไหมคะ? มหาวิทยาลัยศรีนครินวิโรฒ ปล.รูปนี้ก๊อปมา)

ฟางเลือกสอบคณะการตลาดค่ะ แล้วก็บังเอิญว่าสอบได้!! แต่ตอนนั้นฟางได้เข้าประกวดโครงการ Neostar Project 1 ของบริษัท Neolife  ทำให้ฟางเลือกที่จะไม่มามอบตัว ก็เพราะด้วยความที่เราไม่ชอบอยู่แล้วนั่นแหละค่ะ 

(อันนี้ก่อนวันไปค่ายเก็บตัว ของ Neo Star ค่ะ ปล.ก๊อปมาอีกเช่นเคย)
ต่อมาเราก็พยายามหาที่สอบมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่รับสายวิทย์- คณิตเลย เราก็เลยไปสมัครที่ Abac      เพราะกลัวไม่มีมหาลัยเรียน เพื่อนหลายคนต่างก็มีที่เรียนกันไปเกินครึ่งห้องแล้ว เราก็รู้สึกกังวลมากจนต้องไปเข้ามหาลัยเอกชน 
(ABAC กับ พลอย ที่แอบไปก๊อปรูปมา)
พอหลังจากที่เราไปสมัครได้ไม่นาน น้าก็บอกวา่า "ถ้าคิดจะเรียน ABAC ทำไมไม่ไปเรียนต่างประเทศ?" เราจึงเปลี่ยนความคิดตอนนั้นทันที เราเลือกที่จะมองหาที่เรียนในต่างประเทศ ตอนนั้นเพื่อนเราได้ไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ โดยผ่าน agency คนนึง แล้วเราก็เลยขอเบอร์โทรของ agency คนนั้นมา เราเริ่มติดต่อเลือกประเทศ เลือกดูที่เรียน แล้วก็พาครอบครัว (แม่ ลุง(คนรู้จัก) น้า) ไปหาพี่เขา แล้วเราก็ตัดสินใจเลือกเรียนที่ื Wisconsin, USA 



เพราะเป็นเมืองที่สงบ มีทั้งป่า และน้ำ ที่สำคัญค่าเรียนกับค่าครองชีพไม่ค่อยแพงด้วย!


เพจ แอดมาคุยกันนะ : https://www.facebook.com/pages/Pheonixz/162487627208984